ประวัติ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จากเจ้าฟ้าชาย สู่ประมุข แห่งสหราชอาณาจักร หลังควีนเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต จากกรณีสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต ทำให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ต้องขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของสหราชอาณาจักรในทันที โดยมีพระยศเป็น “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” หรือ “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3” นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของผู้คนทั่วโลก วันนี้เดอะไทยเกอร์จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักพระราชประวัติของกษัตริย์องค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร “สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3” องค์นี้กัน
ประวัติ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จากมกุฏราชกุมารสู่ตำแหน่งกษัตริย์
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ หรือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีพระนามเต็มว่า “ชาร์ลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ” ประสูติเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 ณ พระราชวังบักกิงแฮม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พระบิดาคือเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ และพระมารดาคือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ปัจจุบัน พระเจ้าชาร์ลที่ 3 มีอายุ 73 พรรษา
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีพระยศตั้งแต่ประสูติว่า “เจ้าชายชาร์ลส์แห่งเอดินบะระ” เนื่องจากพระเจ้าจอร์จที่ 6 ผู้เป็นพระอัยกา (ตา) ได้มีพระราชโองการให้พระราชโอรสและพระราชธิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (ควีนเอลิซาเบธที่ 2) ดำรงตำแหน่งเจ้าหญิงและเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรได้ตั้งแต่เกิด
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีพี่น้องทั้งหมด 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าหญิงแอนน์ เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก และ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซกซ์ โดยหลังจากที่พระราชมารดาขึ้นครองราชย์เป็นควีนเอลิซาเบธที่ 2 กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้รับพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ทั้งนี้ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็ยังได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งรอธซีย์ เอิร์ลแห่งคาร์ริก บารอนแห่งเรนฟรูว์ ลอร์ดแห่งไอลส์ เจ้าชายและข้าหลวงใหญ่แห่งสกอตแลนด์ และในปัจจุบันก็ดำรงพระยศเป็น “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” หลังควีนเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับวัยเยาว์ที่ต้องห่างเหินกับครอบครัว ชีวิตในวัยเด็กของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 นั้นมีเหตุให้ต้องแยกจากพระมารดาตั้งแต่อายุเพียง 1 ขวบ เนื่องพระมารดาเดินทางติดตามพระสวามีที่เป็นทหารเรือไปยังประเทศอื่น จึงทำให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ต้องอยู่ในการดูแลของพี่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับพระมารดา หรือ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ค่อนข้างห่างเหินกัน คือเหตุการณ์ที่ควีเอลิซาเบธเสด็จกลับจากการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ และทรงงานต่อทันทีถึง 4 วัน อีกทั้งยังเสด็จชมการแข่งม้าอีก 1 วัน แทนที่จะเดินทางไปหาพระโอรสก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินต่อความรักที่พระมารดามีต้อเจ้ากษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 เพราะในช่วงเจริญวัยและต้องเข้ารับการศึกษา ทางเจ้าชายฟิลิปและควีเอลิซาเบธที่ 2 ตั้งใจไว้ว่าจะให้กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ได้รับการศึกษาแบบปกติ
เหตุนี้เองจึงทำให้กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ในฐานะรัชทายาทของอังกฤษพระองค์แรก ได้รับการศึกษาในโรงเรียนแบบปกติทั่วไป ณ โรงเรียนฮิลล์ เฮาส์ ในกรุงลอนดอน สำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงจบจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์และประวัติศาสตร์
ชีวิตส่วนพระองค์ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชฮาณาจักร
หลังสำเร็จการศึกษา กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้เดินตามรอยพระราชบิดาด้วยการสมัครเป็นทหาร ทรงพระปรีชาสามารถและสอบผ่านหลักสูตรนักบินเฮลิคอปเตอร์ได้ และหลังจากที่เข้าประจำการ ณ ฐานทัพอากาศแครนเวลล์ ก็ได้ย้ายไปเป็นศึกษาวิชาทหารเรือ
ในภายหลังพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้รับตำแหน่งเป็นผู้บังคับการเรือทำลายทุ่นระเบิด HMS Bronington และในภายหลังก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการเรือรบราชนาวีอังกฤษ และเมื่อมีพระชนมายุได้ 28 พรรษา กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้ทรงก่อตั้งองค์กรการกุศล โดยเป็นองค์กรที่ทำงานในหลากหลายด้าน
ในปี พ.ศ. 2520 เจ้าชายแห่งเวลส์ หรือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงได้พบกับเลดี้ไดอานา สเปนเซอร์ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองคนได้หมั้นหมายกันในปี พ.ศ. 2524 และต่อมาในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนี้เองก็ได้มีงานอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และ เลดี้ไดอานา ที่วิหารเซนต์พอล
ความรักของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 กับเจ้าหญิงไดอานาเป็นที่จับตาของผู้คนทั่วโลก แม้จะมีกระแสสื่อออกมาว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ไม่ได้มีความรู้สึกรักต่อเจ้าหญิงไดอานาแต่อย่างใด แต่ทั้งสองพระองค์ก็ให้กำเนิดพระราชโอรสด้วยกันถึงสองพระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ และ เจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งซัสเซกซ์
แม้กระนั้น ก็ยังคงมีกระแสข่าวเกี่ยวกับชีวิตคู่ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าหญิงไดอานาออกสู่สาธารณชนบ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีข่าวว่าเจ้าชายแห่งเวลส์พระองค์นี้ทรงกลับไปมีความสัมพันธ์อันดีกับคนรักเก่าอย่าง คามิลลา ปาร์กเกอร์-โบว์ลส์ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวฉาวของเจ้าหญิงไดอานากับชายอื่น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ก็ได้ตัดสินใจหย่าขาดกับเจ้าหญิงไดอานา อย่างไรก็ตามแม้จะเลิกรากันไปแล้ว แต่ในเหตุการณ์ที่เจ้าหญิงไดอานาประสบอุบัติเหตุและสิ้นพระชนม์ที่กรุงปารีส พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับพี่สาวของเจ้าหญิงไดอานาก็ได้เดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อรับพระศพเจ้าหญิงไดอานากลับอังกฤษ
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป